เป็นร้านโอมากาเสะที่เดียวในไทยที่มีเมนูอื่นเป็นบุพเฟ่ต์ให้ด้วย! ฉันแนะนำให้สั่งโปร โอมากาเสะ 12 คำ + บุพเฟ่ต์ ซูชิอาจจะไม่พรีเมียมเท่าโปรพรีเมียมที่คุณจะทานได้แค่ 12 คำจริงๆ แต่เหมาะกับคนกินจุ เพราะนอกจากคอร์ส 12 คำแล้ว ยังมีอาหารบุพเฟ่ต์ต่างๆที่สั่งได้เรื่อยๆ ภายในเวลา 90 นาที (ไม่รวมเครื่องดื่ม) อีกทั้งคุณสามารถทานได้ระหว่างทางซูชิ (บางร้านอาจจะไม่อยากให้คุณทานอะไรแทรก เพราะจะเสียรสชาติ) แต่ที่นี่ให้คุณเอนจอยได้ตามใจ ไม่จำเป็นต้องทานอาหารตามลำดับ เริ่มแรก คุณจะได้ไข่ตุ๋นโรยไข่ปลาริวกิวไปทานก่อน เพื่อปรับสภาพร่างกาย จะมีซูชิบางอันที่จำกัด 3 คำ/คน เช่น ซูชิหอยเม่น ซูชิวากิว ซูชิส่วนใหญ่จะมีความมัน เหมาะกับรสชาติที่คนไทยชอบ ซูชิบางตัวที่พรีเมียม เชฟจะแนะนำให้ทานสดไปเลยโดยไม่ต้องจิ้มโชยุวาซาบิเพิ่ม เพื่อสัมผัสรสชาติที่แท้จริง โดยเฉพาะวากิวนั่้นละลายในปาก ฉันชอบนิกิริปลาไหลย่าง มันไม่ได้หาทานง่ายๆในช่วงฤดูฝนของญี่ปุ่น ขนาดมันใหญ่สะใจมาก กินคำเดียวไม่หมด ฉันไม่ได้กินทามาโกะ เอบิ ที่เป็นเมนูซิเนเจอร์ของร้าน เพราะมันผสมเนื้อกุ้งลงไปด้วย (ฉันได้แจ้งกับทางร้านล่วงหน้าแล้วว่า ฉันแพ้กุ้งและปู) ไลน์บุพเพ่ต์มีอาหารหลากนานาชาติ เช่น คาโบนาร่า แต่จะเสิร์ฟมาในถ้วยเล็ก เพื่อไม่ให้อิ่มจนเกินไป ซึ่งเหมาะสมแล้ว เพราะซูชิเป็นข้าวที่ตัดกำลังได้ง่าย ฉันชอบทานอุด้งวากิว แต่มันเป็นอุด้งเส้นแบน น้ำซุปกลมกล่อมคล่องคอ ส่วนไอศครีมมีสองรส คือชาเขียวกับวานิลามาดากัสการ์ ซึ่งชาเขียวขมไปสำหรับฉัน ดังนั้นวานิลาจะดีกว่า ร้านตกแต่งสไตล์สวนป่าร่มรื่น แยกโซนชัดเจนระหว่าง Walk in และ โอมากาเสะ เลี้ยงกุ้งลอบเตอร์เอง จะมีพนง.อยู่ข้างๆให้บริการคุณตลอดด้านหลัง เซฟชวนคุยเรื่อยๆอย่างเป็นกันเองไม่ให้คุณเหงาแม้จะไปคนเดียว รอบการจองโอมากาเสะคือ บ่ายสอง หกโมง สองทุ่ม คุณสามารถพาเด็กไปโอมากาเสะได้ พ่อแม่อาจจะทานโอมากาเสะ ส่วนเด็กๆ ทานอะลาคาร์พ เนื่องจากแยกโซนชัดเจน จึงไม่รบกวนแขกโซน Walk in ร้านไม่มีที่จอดรถมากนัก แนะนำให้หาที่จอดรถแถวไอคอนพาร์คแล้วเดินข้ามถนนมา หรือเรียก Grab ดีกว่า หากจะสั่งดิลิเวอรี่ ในระยะไม่เกิน 5 km สั่งฟรีได้โดยตรงกับร้าน